
ในสายตาของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงมองว่า เดวิด มอยส์ น่าจะเป็นความ ล้มเหลวอย่างที่สุด ในการนั่งเก้าอี้นายใหญ่ แห่งรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ด้วยความที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เลือกเองกับมือ นั่นทำให้ ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง แม้จะมีเสียง ค่อนขอดอยู่บ้างก็ตาม แต่สุดท้าย ก็อย่างที่รู้กันว่า เดวิด มอยส์ อยู่คุมทีม ได้เพียง 8 เดือนก่อนโดน ปลดออกจาก ตำแหน่งไป ฝากผลงานคุมทีม 51 เกม ชนะ 27 เสมอ 9 แพ้ 15
นั่นคือผลพวง ที่ทำให้ปีนั้น ถือเป็นปีที่เลวร้าย ที่สุดของ “ปีศาจแดง” ในการเล่นพรีเมียร์ลีก จนถึงปัจจุบัน โดยทีมจบที่อันดับ 7 ของตาราง, ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ, ตกรอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ และตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
มีให้ได้ยิ้มตอนต้น ซีซั่นกับการชนะ วีแกน 2-0 ในคอมมูนิตี้ ชิลด์ก่อนเปิดฤดูกาล
ถึงกระนั้น หลายสิ่งหลายอย่างที่ เดวิด มอยส์ ก็ใช่ว่าไม่แย่ไปทั้งหมด มันก็มีเรื่องดี ที่ส่งให้ทีม ประสบความสำเร็จ แม้เจ้าตัวจะ ไม่ได้อยู่คุมทีมแล้ว หรือแม้กระทั่ง ในตอนนี้ด้วย
ลองดูว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ที่กุนซือชาวสกอตแลนด์ ทำไว้ให้กับทีม
จอห์น เมอร์ทัฟ
ผู้อำนวยการฟุตบอลคนแรก ในประวัติศาสตร์ของ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาทำงาน กับสโมสรในยุคของ เดวิด มอยส์ นั่นเอง
ในตอนแรกนั้นเจ้าตัวนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล โดยมีส่วนสำคัญในการดึง ฮันนิบาล เมจบรี้ ดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยมมาจาก โมนาโก ในฝรั่งเศสมาอยู่กับทีมเมื่อปี 2019
การที่ จอห์น เมอร์ทัฟ ได้รับการแต่งตั้งให้นั่งตำแหน่งสำคัญของทีมในเวลานี้ ย่อมเล็งเห็นถึงฝีมือในการบริหารว่าสามารถทำหน้าที่ในบทบาทที่สำคัญนี้ได้
ถือเป็นหนึ่งมรดกที่ทาง เดวิด มอยส์ ทำไว้ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอติดตามกันว่า ผู้อำนวยการฟุตบอลคนนี้นำพาทีมไปถึงจุดไหน
โน้มน้าว เวย์น รูนี่ย์ ให้อยู่กับทีมต่อไป
แม้จะเคยเสีย เวยน์ รูนี่ย์ ในวัย 16 ปีให้กับ แมนเเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วสมัยที่ยังคุม เอฟเวอร์ตัน แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำสองเมื่อมาคุมทีมในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ด
หลังการอำลาทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถือว่าสร้างความปั่นป่วนให้ทีมไม่น้อย แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าสักวันต้องมาถึง ซึ่งในตอนนี้ เวย์น รูนี่ย์ ก็มีข่าวย้ายทีมอย่างหนาหูเลย
โดยเฉพาะกับ เชลซี ที่อยู่ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในเวลานั้นพร้อมเต็มที่กับการไล่ล่าดาวยิงทีมชาติอังกฤษรายนี้มาร่วมทีมให้ได้ถึงขนาดยื่นข้อเสนอมาด้วยแต่โดนบอกปัดไป รวมถึงยังมี เรอัล มาดริด อีกทีมที่อยากได้ตัวอย่างมาก
เดวิด มอยส์ ประกาศอย่างชัดเจนในเวลานั้นว่าไม่มีทางขายดาวยิงตัวเองออกจากทีมอย่างแน่นอนกระทั่งโน้มน้าวใจให้ เวย์น รูนี่ย์ อยู่กับทีมต่อไปได้ในที่สุด
บริหารจัดการสโมสร
การจากไปของ เซอร์ อเล็ฏซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย และในเวลานั้นสโมสรก็กำลังมึนงงว่าจะบริหารจัดการยังไงดี
การเปลี่ยนแปลงทีมงานถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งบางคนก็มองว่าสโมสรคงเผชิญกับวิกฤติอย่างไม่ต้องสสงสัย มีไม่กี่คนที่มองว่าทีมจะเดินหน้าอย่างมั่นคง
ในทีมมีสตาฟฟ์ที่มากเกินความจำเป็นในการทำงานของ เดวิด มอยส์ ก็ให้สโมสรกำจัดออกไปเลย แม้ว่าจะโดนวิจารณ์อย่างหนักว่าเอาวิธีการทำงานกับสโมสรที่เล็กกว่าอย่าง เอฟเวอร์ตัน มาใช้ก็ตามที
แต่การทำแบบนั้นก็ช่วยสโมสรลดภาระค่าใช้จ่ายได้ เหมือนกันเป็นรีเซ็ตค่าสโมสรเป็นค่าโรงงานในช่วงเวลาที่ “ปีศาจแดง” กำลังมึนงงกับการจากไปของ “ป๋า”
ให้โอกาสกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด
แฟนบอลยูไนเต็ดอาจจะจำภาพที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงเล่นเกมแรกในสีเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล แต่อันที่จริงเข้าขึ้นมาสูทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ยุคของ เดวิด มอยส์ แล้ว
ด้วยวัยเพียง 16 ปี กองหน้าทีมชาติอังกฤษในปัจจุบันถูก เดวิด มอยส์ ดันขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ด้วยความที่มองเห็นพรสวรรค์ว่าเจ้าหนูรายนี้จะเป็นสุดยอดดาวยิงได้ในอนาคต
แน่นอนนี่ไม่ใช่โคมลอยหรือเขียนกันไปเองเพราะทาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลย
“มันเป็นความรู้สึกที่น่ามหัศจรรย์อย่างมาก ผมยังทำการซ้อมได้ : เราไม่ได้สัมผัสบอลจริงๆ เราทำออกกำลังและวอร์มกัน แต่จากนั้นเราก็กลับอยู่กับทีมกลุ่มอายุเดียวกับเรา แต่สิ่งที่คุณได้เรียนรู้ในเวลา 15-20 นาทีนั่นประเมินค่าไม่ได้เลยในฐานะแข้งอะคาเดมี่”
“ช่วงเวลาเหล่านั้นช่วยเพิ่มเติมคุณอย่างแท้จริง และเมื่อคุณเริ่มซ้อมกับพวกเขามากขึ้น คุณได้รับอะไรมากขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น แต่นั่นคือวิธีที่ทำให้คุณก้าวขึ้นมาเป็นแข้งชุดใหญ่”
คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล